แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เดินหน้าคว้าชัยเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกัน และที่พิเศษคือการเกิดขึ้นใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด
มันเป็นการต้อนรับตำนานกลับมายัง 'โรงละครแห่งความฝัน' อีกครั้ง แต่หนนี้มาในฐานะรักษาการผู้จัดการทีม ซึ่งสร้างอารมณ์และบรรยากาศที่พิเศษ
คงไม่เป็นการกล่าวเกินไปหากบอกว่าก่อนหน้านี้แฟนผีแดงในสนามจะอึดอัดกับผลงาน แม้พวกเขาจะตั้งหน้าตั้งตาเชียร์ทีมรักอย่างเต็มที่ แต่ในใจลึกๆแล้วต่างตะขิดตะขวงใจกับฟอร์มนักเตะ
แต่หลังจาก 'โอเล่' เข้ามารับบทบาทนายใหญ่ ทุกอย่างดีขึ้นตั้งแต่เกมแรกทั้งผลงาน, บรรยากาศ และฟอร์มนักเตะที่ดีดตัวชนิดที่หน้ามือเป็นหลังมือ
สิ่งต่างๆส่งต่อมายังบรรยากาศก่อนเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด กับวันที่พิเศษหลังช่วงเทศกาลคริสต์มาส
บรรดาแฟนบอลมุ่งหน้าสู่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด พร้อมความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า ซึ่งการเปิดงานเต็มไปด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่านของแฟนบอลที่ร้องเพลงต้อนรับ โซลชา อย่างกึกก้อง
กระนั้นสิ่งที่ผิดแปลกอาจจะเป็นการเริ่มเกมของนักเตะที่ดูจะเกร็งๆ และขาดๆเกินๆไปเสียหน่อย ผิดกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ที่เกือบจะมีโอกาสออกนำตั้งแต่ต้นเกมจาก เทอเรนซ์ คองโกโล่
ถือว่าเป็นโชคของ ปิศาจแดง ที่ลูกนั้นข้ามคานออกไปทั้งที่มันจ่อและเปิดกว้างแบบนั้น ซึ่งเมื่อสกอร์ยังเท่ากันที่ 0-0 ทำให้ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลง
ในวันที่ตื้อๆตันๆ การเข้าทำขาดๆเกินๆ หากเป็นเกมอื่นๆหรือยุคก่อนหน้านี้เชื่อว่า ปิศาจแดง ต้องโดนสอยตาข่ายไปก่อนแล้ว แต่เกมล่าสุด ผีแดง ดันมาปลดล็อกจากจังหวะลูกเตะมุมที่ต้องบอกว่ามีโชคมาเอี่ยวเหมือนกัน
ลูกโขกของ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ลอยติดตัวคุมเสาออกมาพอดีกับที่ เนมานย่า มาติช ยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลาจิ้มเข้าไป
เหมือนทุกอย่างจะเป็นใจ ออกนำช่วงที่ทีมเล่นไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งหลังจากนั้นเกมค่อยๆกลับมาเข้าทาง ยูไนเต็ด ที่เดินหน้าหาประตูที่ 2 แต่ต้องชม ฮัดเดอร์สฟิลด์ ที่ไม่ได้เกรงกลัว ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะทีมต้องแลกเพื่อเอาคะแนนและตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรกในจังหวะผิดพลาดของ เฟร็ด เกือบที่จะทำให้ เดอะ เทอร์เรียร์ส ตีเสมอ
สิ่งนี้มันไล่มาถึงต้นครึ่งหลังที่ทีมเยือนจวนเจียนจะได้ประตูตีเสมอ โซลชา ต้องรีบปรับแท็คติกด้วยการส่ง อันเดร์ เอร์เรร่า และ แอชลี่ย์ ยัง ลงมาแทน ด้วยเหตุผลที่ต้องการใช้ประสบการณ์และความนิ่งในการทำให้เกมสมดุลกว่าเดิม
ทว่ากว่าที่จะผ่านช่วงโงนเงนมาได้ ดาบิด เด เคอา ก็ต้องออกแรงบินเซฟลูกโหม่งของ โลร็องต์ เดอปรวต ซึ่งทำเอาแฟนทั้งในสนามและทางบ้านเป่าปากเป็นแถว
เป็นจุดเปลี่ยนของเกมอีก 1 จังหวะ เพราะหลังจากรอดการเสียประตู ปิศาจแดง ต่อเกมขึ้นมาก่อนจะทลายแนวรับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ และนำห่าง 2-0 จาก ปอล ป็อกบา เซึ่งไม่เท่านั้นกองกลางหัวหลากสีก็มาทำสกอร์ 3-0 ให้ทีมเดินหน้าปิดเกมด้วยความมั่นใจ
ทุกอย่างเกือบจะสมบูรณ์แบบหากไม่มาเสียประตูตีไข่แตกในช่วงท้าย กระนั้นหากมองในแง่ดี 3 คะแนนคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้แฟนบอลชื่นมื่นเบิกบานใจ
แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะมองลงมาในรายละเอียด ตั้งแต่ต้นเกมถึงนาทีสุดท้าย ลองเปรียบเทียบหากคู่แข่งไม่ใช่ ฮัดเดอร์สฟิลด์ แต่เป็นทีมที่แนวรุกดีกว่านี้ ดีไม่ดี ผีแดง อาจจะต้องเจอเกมที่หนักหนาสาหัสกว่าที่เกิดขึ้น
การป้องกันยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องรีบแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องของสมาธิและการยืนตำแหน่งที่บางครั้งยังสับสนซึ่งมันเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงมีโอกาสสอยตาข่าย
อาจจะรวมไปถึงตัว 'สกรีน' ก่อนถึงแนวรับที่ยังแสดงความผิดพลาดออกมา จุดนี้ต้องรีบปรับจูน เพราะอย่าลืมว่าประสิทธิภาพของ พรีเมียร์ลีก ในทุกวันนี้สูงกว่าเดิม และความผิดพลาดเพียงนิดเดียวอาจจะทำให้ทีมเหนื่อยกว่า 2-3 เท่า
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลาเหมือนอย่างที่ โซลชา กล่าวหลังจบเกม ถึงตรงนี้เขาค่อยๆใส่บางสิ่งบางอย่างลงไปในทีมทีละน้อย และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะติวเข้มแนวรับให้นิ่งกว่าที่ผ่านมา
ชัยชนะหอมหวานเสมอ แต่หากเป็นชัยชนะที่ทีมสามารถรักษา 'คลีน ชีต' ได้แล้วด้วยล่ะก็ มันยิ่งทำให้แฟนบอลและนักเตะปลื้มปิติไปกว่าเดิม
เกมต่อไปกำลังงวดเข้ามา แทบไม่มีเวลาได้พัก สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือจิตใจของนักเตะที่กำลังพุ่งขึ้นสูง ความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมจะเป็นการพาทีมให้ผ่านช่วงเวลาที่เกมชุกชุมแบบนี้ไปได้พร้อมกับผลงานที่ทุกคนต้องการ
การต้อนรับ โซลชา กลับบ้านผ่านพ้นไปด้วย 3 คะแนนและร้อยยิ้มจากทุกภาคส่วน หลังจากนี้คือยังมีงานอีกมากให้พิสูจน์ และนั่นคือสิ่งที่ทุกคนอยากผลักดันสโมสรนี้ให้เดินหน้าต่อไป
วันอาทิตย์นี้เสียงเชียร์ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด จะกึกก้องอีกครั้ง พร้อมความหวังในการคว้า 3 คะแนน เพื่อส่งท้ายปีที่สมบูรณ์แบบของ โซลชา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น